Friday, December 13, 2013

แว่นธรรม คู่มือตรวจความเป็นโสดาบัน


อ่านคู่มือโสดาบันได้ที่นี่

โสดาบัน เป็นบุคคล 1 ใน 4 ประเภทของอริยบุคคล  อริยบุคคล แปลว่า บุคคลผู้ประเสริฐ, ผู้ไกลจากข้าศึก, ผู้หักกำล้อสังสารวัฏ  โดยในบทความนี้จะขอพูดแต่ในส่วนของโสดาบันเท่านั้น

โสดาบัน

โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสธรรม ผู้แรกถึงกระแสธรรม (คืออริยมรรค) เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลประเภทแรกใน ๔ ประเภท คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละสังโยชน์ เบื้องต่ำ ๓ ประการได้คือ
  1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่นเห็นว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวตนของเรา
  2. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย เช่นสงสัยในข้อปฏิบัติของตนว่าถูกต้องหรือไม่ สงสัยในพระรัตนตรัยหรือในอริยสัจ ๔ ว่ามีจริงหรือไม่
  3. สีลัพพตปรามาส คือ ความเชื่อถือยึดมั่นว่าความศักดิ์สิทธิ์มีได้ด้วยศีลและพรตอย่างนั้นอย่างนี้ ข้อนี้ขยายความได้ว่ารักษาศีลแต่เพียงทางกาย ทางวาจา แต่ใจยังไม่เป็นศีล หรืออย่างน้อยก็ยังไม่เป็นศีลตลอดเวลา
ความเป็นพระโสดาบันนี้ก็เช่นเดียวกับความเป็นพระอริยบุคคลประเภทอื่นๆ ที่มิได้จำกัดอยู่เฉพาะเพศบรรพชิต(นักบวช) เท่านั้น แม้ คฤหัสถ์ คือชายหรือหญิงผู้ครองเรือน ก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้ เช่น ในสมัยพุทธกาลคฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันที่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนมากได้แก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น
การเข้าถึงกระแสธรรมของพระโสดาบันนั้น เป็นการยกระดับจิตใจของท่านอย่างถาวร ทำให้ท่านไม่สามารถกลับมาเป็นปุถุชนได้อีก เป็นผู้ที่จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ (เช่น นรก หรือ เดียรฉาน) ทั้งยังเป็นผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน
โสดาบันอาจจำแนกได้เป็น
  • จูฬโสดาบัน​ คือ ​กัลยาณปุถุชน​ผู้​แทงตลอดลำ​ดับแห่งนามรูปปริ​เฉทญาณ​ ​ที่​ ๑ ​ถึง ​ลำ​ดับโคตรภูญาณที่​ ๑๓ ​ตามสมควร
  • มหา​โสดาบัน​ คือ ​อริยบุคคล​ผู้​แทงตลอด​ใน​ลำ​ดับแห่งญาณ​ ๑๖ ​โดย​สมบูรณ์​

ประเภท

  • 1. เอกพีชี ผู้มีพืชคืออัตตภาพอันเดียว คือ เกิดอีกครั้งเดียว ก็จักบรรลุเป็นพระอรหันต์
  • 2. โกลังโกละ ผู้ไปจากสกุลสู่สกุล คือ เกิดในตระกูลสูงอีก 2-3 ครั้ง หรือเกิดในสุคติอีก 2-3 ภพ ก็จักบรรลุอรหัต
  • 3. สัตตักขัตตุงปรมะ ผู้มีเจ็ดครั้งเป็นอย่างยิ่ง คือ เวียนเกิดในสุคติภพอีกอย่างมากเพียง 7 ครั้ง ก็จักบรรลุอรหันต์

จะเห็นได้ว่าการเป็นโสดาบันนั้นไม่ยากเลย ทั้งทำให้ผู้นั้นไม่เกิดในอบายภูมิและยังจะเป็นผู้ที่บรรลุพระนิพพานอย่างแน่นอน   เท่าที่ผู้เขียนดูมาในสังโยช 3 นี้ จะมี 1. สักกายทิฏฐิและ 2. วิจิกิจฉา ที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เป็นโสดาบัน ตรงนี้ผู้เขียนเลยอยากแนะนำให้ท่านที่ยังติดในสังโยชข้อ1-2 อ่านเรื่องดังนี้

1. ผู้มีสักกายทิฏฐิ(ผู้ยังเห็นว่ากายนี้เป็นของเรา)     แนะนำให้ดูเรื่องมหาสติปัฏฐาน4  หรือลองพิจารณาดูว่าถ้ากายนี้เป็นของเราจริง เราสั่งให้มันไม่แก่ได้ไหม ไม่ให้มันป่วยได้ไหม สั่งให้ผิวพรรณเหมือนวัยเด็กได้ไหม ไม่ให้มันตายได้ไหม? ถ้าได้ก็แสดงว่ากายนี้เป็นของเรา

2. ผู้มีวิจิกิจฉา(ผู้ที่ลังเลในคำสอนพระพุทธเจ้า) ก็ขอให้ท่านลองพิจารณาหรือทำดูว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมาเป็นจริงหรือไม่ เช่น ฆ่าสัตว์เป็นบาปท่านทำแล้วสบายใจหรือไม่ หรือท่านแนะนำให้ทำบุญทำทานเพราะเป็นสิ่งดี ท่านทำแล้วรู้สึกดีหรือไม่ เพราะพุทธศาสนาพิสูจน์ได้ทุกเรื่องและเน้นหนักโดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติ    ส่วนเรื่องนรก-สวรรค์ ชาติอดีต-ชาติหน้านั้นอาจจะพิสูจน์ยากหน่อยเพราะท่านต้องฝึกกรรมฐานจนได้ฌาน ซึ่งมีระดับตั้งแต่1-4(ผู้เขียนเองยอมรับว่าไม่มีฌาน จึงไม่เคยเห็นสวรรค์-นรกเหมือนกัน)


ขอบคุณ
-http://th.wikipedia.org
-http://cste.sut.ac.th