คติ Native American Proverbs คติพวกอินเดียนแดงพวกนี้ นำมาจากที่ โพสต์ไว้ที่ www.cowboythai.com
บัญญัติ 10 ประการของอินเดียนแดง
จงปฎิบัติต่อโลกและสิ่งที่อยู่บนโลกทุกชนิดด้วยความเคารพ
จงใกล้ชิดจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา
ให้ความเคารพสูงสุดต่อเพื่อนร่วมโลก
ทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
ให้ความช่วยเหลือและเมตตาต่อทุกแห่งที่มีผู้ต้องการ
ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง
ดูแลความอยู่ดีของจิตใจและร่างกายเสมอ
อุทิศความพยายามของคุณเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
จงจริงใจและซื่อสัตย์ตลอดเวลา
รับผิดชอบการกระทำของตัวเองทุกประการ
When you were born, you cried and the world rejoiced. Live your life so that when you die, the world cries and you rejoice.
-Cherokee
เมื่อเจ้าเกิด เจ้าร้องไห้และโลกดีใจ จงมีชีวิตอยู่ในแบบที่เมื่อเจ้าตาย โลกร้องไห้และเจ้าดีใจ
-คติพวกเชโรกี
Don't let yesterday use up too much of today.
-Cherokee
อย่าให้เมื่อวานนี้มาทำให้เสียเวลาของวันนี้มากเกินไป
-คติพวกเชโรกี
(คติ นี้ คล้ายกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านพุทธทาสแปลออกมาให้เข้าใจง่ายๆ ตอนหนึ่งว่า "เมื่อวานนี้เป็นของผี พรุ่งนี้เป็นของเทวดา วันนี้เป็นของคน" คือสอนว่า อย่าไปมัวแต่คิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และสิ่งที่ยังมาไม่ถึง จงรีบทำสิ่งที่ควรทำในขณะนี้ให้ดีที่สุด)
It is less of a problem to be poor, than to be dishonest.
-Anishinabe
การเกิดมายากจน มีปัญหาน้อยกว่าเป็นคนไม่ซื่อสัตย์
-คติเผ่า อานิชินาเบ(อ่านถูกหรือเปล่าไม่รู้นะ)
Do not judge your neighbor until you walk two moons in his moccasins.
-Cheyenne
จงอย่ารีบประเมินเพื่อนบ้านของเจ้า จนกว่าเจ้าได้ใส่รองเท้าของเขาเดินแล้วสองคืน
-คติพวกไชแอน คงแปลว่าอย่าดูถูกหรือรีบประเมินเพื่อนบ้านก่อนได้รู้จักเขาดีพอควรแล้ว
A brave man dies but once, a coward many times.
-Iowa
คนกล้าตายครั้งเดียว คนขี้ขลาดตายหลายครั้ง
-คติคนเผ่าไอโอวา
Seek wisdom, not knowledge. Knowledge is of the past, Wisdom is of the future.
-Lumbee
จงแสวงหาปัญญา ไม่ใช่ความรู้ ความรู้เป็นของอดีต แต่ปัญญาคืออนาคต
-คติเผ่าลุมบี
A good chief gives, he does not take.
-Mohawk
หัวหน้าที่ดีคือผู้ให้ เขาไม่เอาสิ่งของของผู้อื่น
-คติพวกโมฮอก
Remember that your children are not your own, but are lent to you by the Creator.
-Mohawk
จงจำไว้ว่าลูกๆ ของเจ้า หาใช่ลูกที่แท้จริงของเจ้าไม่ แต่เป็นสิ่งที่พระผู้สร้างให้เจ้ายืม
-คติพวกโมฮอก คงสอนให้อย่ายึดติดกับลูกหลานมากเกินไป เพราะวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องจากพ่อแม่ไปมีครอบครัวของเขาเอง
Beware of the man who does not talk, and the dog that does not bark.
-Cheyenne
จงระวังคนที่ไม่พูด และสุนัขที่ไม่เห่า
-คติพวกไชแอน
A danger foreseen is half-avoided.
-Cheyenne
อันตรายที่มองเห็นล่วงหน้า ก็เท่ากับว่าหลีกเลี่ยงได้ครึ่งหนึ่ง
-คติพวกไชแอน
All who have died are equal.
-Comanche
คนที่ตายแล้วทุกคนต่างก็เท่าเทียมกัน
-คติโคมานเช่
หลักการดำเนินชีวิตของอินเดียนเผ่าลาโกต้า
เพื่อนเอ๋ย... จงจำไว้... น่ะเพื่อน
เมื่อทำอะไรก็ตาม ในชีวิตเจ้า
จงทำให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้
ด้วยพลังรวมจากทั้งหัวใจและจิตวิญญาณ
และเมื่อเพื่อนทำด้วยพลังทั้งหมด ดังกล่าวมาแล้ว
พลังอำนาจแห่งจักรวาล
จะไหลหลั่งมาเกื้อกูล หนุนช่วยเหลือเจ้า
ถ้าหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อนได้ผนึกหลอมรวมเป็นเอกภาพ
เมื่อเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งของ กงล้อมนุษยชาติ
เจ้าก็จะต้องมีความรับผิดชอบ
เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ล้วนเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน
เมื่อชีวิตหนึ่งบาดเจ็บ ที่เหลือทั้งหมดก็เจ็บปวดอาดูร
เมื่อเทิดทูน ปูนบำเหน็จให้แก่ชีวิตหนึ่ง
ทั้งหมดที่เหลือก็ได้รับเกียรติยศเชิดชูนับถือ
และไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร
ย่อมส่งผลกระทบ สะเทือนไปถึงทุกอนูแห่งจักรวาล
และถ้าเพื่อนทำด้วยพลังทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว
ถ้าเจ้ารวมพลังหัวใจและจิตวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง
จนผนึกเป็นเอกภาพ หนึ่งเดียว
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว—ไม่ว่าเจ้าจะอ้อนวอน ร้องขอสิ่งใด
นั่นแหละ คือวิถีทาง ที่นำไปสู่ความเป็นจริงได้
สมดั่งที่เจ้าวิงวอนปรารถนา
นิทานอินเดียนแดง
ครั้งหนึ่ง โลกก็คือมนุษย์ ที่ผู้เฒ่าสร้างขึ้นจากผู้หญิง
“เจ้าจะเป็นแม่ของผู้คนทั้งหลาย” ผู้เฒ่าประกาศ
ทุกวันนี้ โลกยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เปลี่ยนแปลงไป ดินเป็นเนื้อหนังของนาง หินเป็นกระดูกของนาง ลมเป็นลมหายใจของนาง ต้นไม้และต้นหญ้าเป็นเส้นผมของนาง นางทอดตัวลง และเราอาศัยอยู่บนเรือนกายของนาง
(ตำนานของชนเผ่าโอคาโนแกน)
ก่อนการมาถึงของคนขาว แผ่นดินอเมริกาเคยมีชนเผ่าพื้นเมืองดำรงอยู่อย่างสงบ ก่อนจะถูกกวาดล้าง ขับไล่ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อที่ชาวผิวขาวผู้ถือตนว่าเป็นผู้มีอารยธรรมสูงส่งกว่า ได้เข้าครอบครองผืนแผ่นดินอันเต็มไปด้วยทรัพยากรอันมิอาจประมาณค่า
เช่นนั้นแล้ว จะแปลกอะไร หากผู้ถือครองปืนกล เรือรบ อาวุธเหล็กกล้าอันแข็งแกร่ง ทั้งกระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่งยวดในการสั่งสมความร่ำรวย กระหายอำนาจ ปรารถนาสิทธิในการถือครองแม่น้ำ หินแร่ ทุ่งข้าว สัตว์ป่า พืชพรรณนานา จักไร้ความปราณีต่อชนพื้นเมืองผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรเหล่านั้น
จะแปลกอะไร หากชนพื้นเมืองที่ถูกมองว่าป่าเถื่อน โง่เขลา จะโดนต้อนเหมือนสัตว์ป่า ถูกไล่ล่า ขับไส ออกจากผืนแผ่นดินที่พวกเขาดำรงอยู่มาช้านาน
ถูกขับไสและถูกเอ่ยอ้างทวงคืนผืนดิน ผืนน้ำ โดยที่พวกเขาไม่มีวันทำความเข้าใจได้เลยตราบจนชั่วชีวิตว่า เพราะเหตุใด อาคันตุกะผู้มีผิวซีดขาวและเรียกพวกเขาว่า คนผิวแดง จึงคิดว่า ‘มนุษย์’ มีสิทธิซื้อขายแผ่นดิน แม่น้ำ สายลม สัตว์ป่า
เหตุใดคนขาวจึงขีดเส้นแบ่งเขตแดนและกำหนดว่า คนผิวแดงมีหรือไม่มีสิทธิในการใช้ชีวิตบนแผ่นดินนี้ เหตุใดคนขาวจึงเทิดทูนแผ่นกระดาษและเศษโลหะที่พวกเขาเรียกมันว่า เงินตรา
ชาวอินเดียนแดงไม่อาจทำความเข้าใจในวิถีของคนขาว เพราะพวกเขาใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่เคยต้องซื้อขายสิ่งใด ธรรมชาติมอบให้แก่เขาอย่างพอเหมาะแก่ความต้องการ และพวกเขาไม่เคยคิดถือครองแม่น้ำ ภูเขา ผืนดิน เช่นคนขาว เพราะชาวอินเดียนแดงให้ความเคารพต่อสิ่งเหล่านั้น ประดุจบิดามารดาของตน
แล้วเพราะเหตุใด คนขาวจึงคิดว่า 'เศษโลหะ' มีค่า มีความสำคัญกว่าผืนดินอันเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดมนุษย์ทุกผู้นาม
บุตรจักซื้อขายบิดา มารดา ของตนได้อย่างไร?
สำหรับชาวอินเดียนแดงแล้ว ผืนแผ่นดิน สายลม สายน้ำ จึงมิอาจซื้อขาย เพราะไม่มีสิ่งใดเทียมค่าได้
มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแสนนาน นับแต่เมื่อครั้งมหาอำนาจสหรัฐอเมริกายังไม่กินพื้นที่ใหญ่โตบนแผนที่โลก
เป็นเรื่องราวเก่าแก่ที่ถูกหลงลืม
ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่ยังถูกเล่าขาน ผ่านนิทานชนเผ่าของพวกเขา นั่นคือวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของบรรพบุรุษชาวอินเดียนที่ไม่เคยคิดแข็งกร้าว เหิมเกริมถือว่าตนมีสิทธิ์เทียบเท่าฟ้าและดิน
ตำนานของชนเผ่าอินเดียนแดงใน ‘แผ่นดินบนหลังเต่า’ หนังสือเล่มเล็กๆ นี้ จึงมีเนื้อหาที่มากด้วยความเคารพและถ่อมตนอย่างที่สุด เท่าที่มนุษย์ผู้ทรงปัญญาจะสามารถทำได้ ตำนานนับแต่ครั้งเก่าก่อน ทำให้รู้ว่า พวกเขาทรงปัญญา แต่ไร้ซึ่งความอหังการต่ออำนาจของธรรมชาติ
เช่นนี้แล้ว ชาวอินเดียนแดงจึงคู่ควรกับคำว่า ‘ผู้มีอารยะ’ ยิ่งกว่าชนผู้รุกรานเผ่าพันธุ์ของพวกเขา มากมายนัก...แม้ในวันที่พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ต่อคนขาวอย่างสิ้นเชิง
................
ตัวหนอนบนกองหนังสือ
-หมายเหตุ
‘แผ่นดินบนหลังเต่า เรื่องเล่าของชนเผ่าอินเดียน’
แปลและรวบรวมจากภาษาอังกฤษโดย ไกรวรรณ สีดาฟอง
จัดพิมพ์โดย มูลนิธิโกมลคีมทอง
และผู้เขียนบทความ ขอขอบคุณแรงบันดาลใจจากหนังสือ ‘ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป’
-ภาพประกอบบทความจากอินเทอร์เน็ต
ที่มา
www.prachathon.org
เมื่อทำอะไรก็ตาม ในชีวิตเจ้า
จงทำให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้
ด้วยพลังรวมจากทั้งหัวใจและจิตวิญญาณ
และเมื่อเพื่อนทำด้วยพลังทั้งหมด ดังกล่าวมาแล้ว
พลังอำนาจแห่งจักรวาล
จะไหลหลั่งมาเกื้อกูล หนุนช่วยเหลือเจ้า
ถ้าหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อนได้ผนึกหลอมรวมเป็นเอกภาพ
เมื่อเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งของ กงล้อมนุษยชาติ
เจ้าก็จะต้องมีความรับผิดชอบ
เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ล้วนเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน
เมื่อชีวิตหนึ่งบาดเจ็บ ที่เหลือทั้งหมดก็เจ็บปวดอาดูร
เมื่อเทิดทูน ปูนบำเหน็จให้แก่ชีวิตหนึ่ง
ทั้งหมดที่เหลือก็ได้รับเกียรติยศเชิดชูนับถือ
และไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร
ย่อมส่งผลกระทบ สะเทือนไปถึงทุกอนูแห่งจักรวาล
และถ้าเพื่อนทำด้วยพลังทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว
ถ้าเจ้ารวมพลังหัวใจและจิตวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง
จนผนึกเป็นเอกภาพ หนึ่งเดียว
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว—ไม่ว่าเจ้าจะอ้อนวอน ร้องขอสิ่งใด
นั่นแหละ คือวิถีทาง ที่นำไปสู่ความเป็นจริงได้
สมดั่งที่เจ้าวิงวอนปรารถนา
นิทานอินเดียนแดง
ครั้งหนึ่ง โลกก็คือมนุษย์ ที่ผู้เฒ่าสร้างขึ้นจากผู้หญิง
“เจ้าจะเป็นแม่ของผู้คนทั้งหลาย” ผู้เฒ่าประกาศ
ทุกวันนี้ โลกยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เปลี่ยนแปลงไป ดินเป็นเนื้อหนังของนาง หินเป็นกระดูกของนาง ลมเป็นลมหายใจของนาง ต้นไม้และต้นหญ้าเป็นเส้นผมของนาง นางทอดตัวลง และเราอาศัยอยู่บนเรือนกายของนาง
(ตำนานของชนเผ่าโอคาโนแกน)
ก่อนการมาถึงของคนขาว แผ่นดินอเมริกาเคยมีชนเผ่าพื้นเมืองดำรงอยู่อย่างสงบ ก่อนจะถูกกวาดล้าง ขับไล่ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อที่ชาวผิวขาวผู้ถือตนว่าเป็นผู้มีอารยธรรมสูงส่งกว่า ได้เข้าครอบครองผืนแผ่นดินอันเต็มไปด้วยทรัพยากรอันมิอาจประมาณค่า
เช่นนั้นแล้ว จะแปลกอะไร หากผู้ถือครองปืนกล เรือรบ อาวุธเหล็กกล้าอันแข็งแกร่ง ทั้งกระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่งยวดในการสั่งสมความร่ำรวย กระหายอำนาจ ปรารถนาสิทธิในการถือครองแม่น้ำ หินแร่ ทุ่งข้าว สัตว์ป่า พืชพรรณนานา จักไร้ความปราณีต่อชนพื้นเมืองผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรเหล่านั้น
จะแปลกอะไร หากชนพื้นเมืองที่ถูกมองว่าป่าเถื่อน โง่เขลา จะโดนต้อนเหมือนสัตว์ป่า ถูกไล่ล่า ขับไส ออกจากผืนแผ่นดินที่พวกเขาดำรงอยู่มาช้านาน
ถูกขับไสและถูกเอ่ยอ้างทวงคืนผืนดิน ผืนน้ำ โดยที่พวกเขาไม่มีวันทำความเข้าใจได้เลยตราบจนชั่วชีวิตว่า เพราะเหตุใด อาคันตุกะผู้มีผิวซีดขาวและเรียกพวกเขาว่า คนผิวแดง จึงคิดว่า ‘มนุษย์’ มีสิทธิซื้อขายแผ่นดิน แม่น้ำ สายลม สัตว์ป่า
เหตุใดคนขาวจึงขีดเส้นแบ่งเขตแดนและกำหนดว่า คนผิวแดงมีหรือไม่มีสิทธิในการใช้ชีวิตบนแผ่นดินนี้ เหตุใดคนขาวจึงเทิดทูนแผ่นกระดาษและเศษโลหะที่พวกเขาเรียกมันว่า เงินตรา
ชาวอินเดียนแดงไม่อาจทำความเข้าใจในวิถีของคนขาว เพราะพวกเขาใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่เคยต้องซื้อขายสิ่งใด ธรรมชาติมอบให้แก่เขาอย่างพอเหมาะแก่ความต้องการ และพวกเขาไม่เคยคิดถือครองแม่น้ำ ภูเขา ผืนดิน เช่นคนขาว เพราะชาวอินเดียนแดงให้ความเคารพต่อสิ่งเหล่านั้น ประดุจบิดามารดาของตน
แล้วเพราะเหตุใด คนขาวจึงคิดว่า 'เศษโลหะ' มีค่า มีความสำคัญกว่าผืนดินอันเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดมนุษย์ทุกผู้นาม
บุตรจักซื้อขายบิดา มารดา ของตนได้อย่างไร?
สำหรับชาวอินเดียนแดงแล้ว ผืนแผ่นดิน สายลม สายน้ำ จึงมิอาจซื้อขาย เพราะไม่มีสิ่งใดเทียมค่าได้
มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแสนนาน นับแต่เมื่อครั้งมหาอำนาจสหรัฐอเมริกายังไม่กินพื้นที่ใหญ่โตบนแผนที่โลก
เป็นเรื่องราวเก่าแก่ที่ถูกหลงลืม
ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่ยังถูกเล่าขาน ผ่านนิทานชนเผ่าของพวกเขา นั่นคือวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของบรรพบุรุษชาวอินเดียนที่ไม่เคยคิดแข็งกร้าว เหิมเกริมถือว่าตนมีสิทธิ์เทียบเท่าฟ้าและดิน
ตำนานของชนเผ่าอินเดียนแดงใน ‘แผ่นดินบนหลังเต่า’ หนังสือเล่มเล็กๆ นี้ จึงมีเนื้อหาที่มากด้วยความเคารพและถ่อมตนอย่างที่สุด เท่าที่มนุษย์ผู้ทรงปัญญาจะสามารถทำได้ ตำนานนับแต่ครั้งเก่าก่อน ทำให้รู้ว่า พวกเขาทรงปัญญา แต่ไร้ซึ่งความอหังการต่ออำนาจของธรรมชาติ
เช่นนี้แล้ว ชาวอินเดียนแดงจึงคู่ควรกับคำว่า ‘ผู้มีอารยะ’ ยิ่งกว่าชนผู้รุกรานเผ่าพันธุ์ของพวกเขา มากมายนัก...แม้ในวันที่พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ต่อคนขาวอย่างสิ้นเชิง
................
ตัวหนอนบนกองหนังสือ
-หมายเหตุ
‘แผ่นดินบนหลังเต่า เรื่องเล่าของชนเผ่าอินเดียน’
แปลและรวบรวมจากภาษาอังกฤษโดย ไกรวรรณ สีดาฟอง
จัดพิมพ์โดย มูลนิธิโกมลคีมทอง
และผู้เขียนบทความ ขอขอบคุณแรงบันดาลใจจากหนังสือ ‘ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป’
-ภาพประกอบบทความจากอินเทอร์เน็ต
ที่มา
www.prachathon.org
No comments:
Post a Comment